ชีวิตแต่งงานในพระคริสต์
การแต่งงานเป็นสถาบันแรกที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นตั้งแต่ยุคปฐมกาล เนื่องจากพระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวล และพระองค์ทรงให้สิทธิอำนาจแก่เราในการครอบครองสิ่งเหล่านั้น สำหรับเรื่องการแต่งงานนั้น พระเยซูทรงกล่าวไว้ใน มัทธิว?19:5-6 ว่า
เพราะเหตุนี้ผู้ชายจะจากบิดามารดาของเขา และจะไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน
เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย
ดังนั้นการแต่งงานจึงเป็นความรับผิดชอบตลอดชีวิตของเรา หลักปฏิบัติที่เหมาะสมของข้อพระคำในเรื่อง การเป็นเนื้อเดียวกัน จะช่วยแก้ปัญหาความสัมพันธ์ของคู่แต่งงานได้ เพราะทั้งสามีและภรรยาจะต้องปรนนิบัติกันและกัน โดยสอดคล้องกับพระคัมภีร์
เอเฟซัส?5:24-25โดยกล่าวถึงสิ่งที่สามีและภรรยาพึงกระทำต่อกันดังนี้
"เหตุฉะนั้นคริสตจักรยอมฟังพระคริสฉันใด"ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้นฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร
เพราะพระองค์ได้ทรงบรรจุความรักที่สุภาพอ่อนโยน ไม่มีเงื่อนไข อดทนและเชื่อใจกันและกันไว้ในคู่สามีภรรยาเราจะเห็นได้ว่า พระเจ้าทรงผูกพันคนสองคนไว้เข้าด้วยกันตราบชั่วชีวิตทั้งคู่ สอดคล้องกับ1 โครินธ์7:39
ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่
ภรรยาก็ต้องอยู่กับสามีตามกฎหมาย แต่ถ้าสามีตาย นางก็เป็นอิสระจะแต่งงานกับชายใดก็ได้ตามใจ ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
พระเจ้าได้ทรงวางรากฐานบทบัญญัตินี้ไว้อยู่เหนือสถาบันครอบครัว เพื่อเตือนใจว่า เราควรจะแต่งงานกับคริสเตียนที่รักพระเจ้า เพื่อชีวิตแต่งงานที่สมบูรณ์แบบในพระคริสต์ เพราะพระองค์เป็นผู้สถาปนาการแต่งงานไม่ใช่มนุษย์ โดยที่คู่แต่งงานจะต้องกล่าวปฎิญาณต่อหน้าพระเจ้าว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
สุดท้ายนี้อยากจะหนุนใจพี่น้องว่า
"พระเจ้าทรงรักเราและพระองค์ทรงเตรียมคู่พระพรที่ดีที่สุด"
เพื่อเราทุกคน
from: Marriage Is For Life By Ron Boatwright
หากท่านอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ต่อผู้อื่นกรุณากดแชร์ด้วยนะคะ ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น